7 วันในอินโดนีเซีย กับ หลักสูตร The 25th JASPOC ตำรวจอาเซียน
4 October 2015 First day of the 25th Joint ASEAN Senior Police Officers Course (JASPOC) at Jakarta, Indonesia
สุดยอดเจ้านายผม พล.ต.ต.ดร.ปิยะ อุทาโย รรท.ผบช.สง.ก.ตร. ส่งมาอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสอาเซียน ที่อินโดนีเซีย ครับ
วันแรกของการเดินทาง เป็นครั้งแรกที่มาอินโดนีเซีย
ลงสนามบิน Soekkarno Hatta ออกจากเครื่องเข้าสนามบินบรรยากาศคล้ายสนามบินดอนเมือง และเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซีย 3-4 คน มารับถึงปากงวงทางออกเครื่องบิน ยิ่งรู้สึกเหมือนดอนเมืองมากขึ้นอีก เหมือน ตม.ไทย มา อน.เลยครับ !
ขึ้นรถที่มารับ เลยทักทายคนขับรถซะหน่อย Selamat pagi (สวัสดีตอนเช้า) Terima kasih (ขอบคุณครับ) แหม! คนขับชอบใจตอบกลับเสียงดังว่า Very good!
บทเรียนแรกที่ได้คือถ้าเราไปประเทศไหน แล้วพูดทักทายเป็นภาษาของประเทศนั้น แม้จะได้แค่นิดหน่อย ก็จะได้ใจจากคนประเทศนั้นมาก่อนแล้วครับ และถ้ารู้ภาษา Bahasa จะใช้ได้ถึงสามประเทศเลยครับ ทั้งอินโดฯ มาเลย์ฯ และบรูไน หรือถ้าเป็นคนสิงคโปร์เชื้อชาติมาเลย์ ก็ใช้ภาษานี้ด้วย (วันนี้ผมได้ยินตำรวจสิงคโปร์พูด Bahasa กับตำรวจมาเลย์)
เข้าพักที่ Century Park Hotel เป็นโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติอินโดนีเซีย Gelora Bung Karno Stadium มีสนามหลายประเภทอยู่ในบริเวณเดียวกัน

คณะผู้จัดการอบรม จัดห้องรับลงทะเบียนโดยเฉพาะ Two participants from Thailand is the first registers. !! ผมมากันสองคน มี น้องหมอ พ.ต.ท.ธนากร อ่อนทองคำ แห่ง กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ได้อยากมาประเทศแรกหรอกครับ แต่เที่ยวบินมีเที่ยวเดียวต่อวันอ่ะครับ มาถึงเซ็นชื่อเสร็จรับของแจกทันที มีกระเป๋าถือ เสื้อ อุปกรณ์เครื่องเขียน ผู้จัด มีความพร้อมมากครับ แต่เอกสารท่องเที่ยว (แจกมาทำไมครับ ตารางเรียนแน่นเอี้ยดเลยครับ..)
หลังจากพักผ่อนนิดหนึ่งแล้ว ก็เลยออกไปเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ และห้างสรรพสินค้าใกล้ที่สุดแปปหนึ่ง แล้วกล้บมากินข้าวที่โรงแรมซึ่งจัดแยกโดยเฉพาะ อาหารอินโดฯ มื้อแรก ก็โอครับ อาหารคล้ายที่มาเลย์ แต่รสชาดจัดจ้านกว่า มีพริกคล้ายน้ำพริกเผาบ้านเราตั้งอยู่ แกล้งถามพนักงานโรงแรมว่าอะไร เค้าบอก chily very spicy แล้วทำถ้าให้รู้ว่ากินนิดเดียวพอ เดียวเผ็ด แล้วถามผมว่าจากไหน พอบอกว่า come from Thailand เค้าเลยบอกถ้างั้นคงไม่เผ็ดสำหรับผม 55 พอกินแล้วก็ไม่เท่าไรจริงๆด้วยครับ

การ Brief เริ่มด้วยการแนะนำตัวของแต่ละประเทศ ปัญหาการทำความใจตำแหน่งหน้าที่ของตำรวจแต่ละประเทศก็คือ ชื่อตำแหน่งที่มีระดับตำแหน่งไม่เหมือนกัน หรือเทียบกันไม่ได้ชัดเจน เราแก้ปัญหากันด้วย การบอกระยะเวลาเป็นตำรวจ จะเห็นภาพและเปรียบเทียบได้ว่าใครแก่กว่าใครหรือใครใหญ่กว่าใครดีกว่าครับ วันนี้คนที่อายุราชการนานสุดคือ มาเลเซียครับ สามสิบกว่าปี อ้อ! ลืมบอกว่ามีสุภาพสตรีจากเวียดนาม 1 คน ตอนแนะนำตัวเลยมีเสียงเชียรมากกว่าคนอื่นครับ
ผมแนะนำตัวและหน้าที่การงานที่ทำอยู่ และบอกว่าทำงานวิจัยเรื่องตำรวจอาเซียนอยู่ด้วยครับ หลักสูตรนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผม
บทเรียนต่อมา คือ Johni ผู้อำนวยการหลักสูตรได้เล่าให้ฟังถึงระบบการฝึกอบรมของตำรวจอินโดนีเซีย ซึ่งคล้ายหรือจะเรียกว่าเหมือนกับตำรวจไทยเลย คือคนที่อยากมาเป็นตำรวจ เข้ามาได้ 3 ช่องทางครับ
1.จบมัธยมปลาย (Senior high school) อายุ 18 ปี สอบเข้าโรงเรียนตำรวจ (police school) อบรม 9 เดือน ออกไปเป็นตำรวจตำแหน่ง second sergeant เทียบกับบ้านเราคือตำรวจชั้นประทวน ซึ่งโรงเรียนตำรวจ มีอยู่กระจายในทุกภูมิภาค
2.จบมัธยมปลาย เช่นเดียวกัน แต่สอบเข้า Police Academy เรียน 4 ปี เทียบกับบ้านเราคือ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีแห่งเดียวอยู่ที่ Semarang และเหมือนบ้านเราคือ แต่ละปีมีคนสอบหลายหมื่นคน รุ่นหนึ่งมี 300 คน หลังจากจบแล้วได้ตำแหน่ง Inspector
3.จบมหาวิทยาลัย เข้าสถาบันเรียกว่า Officer School อบรม 4 เดือน จบมาทำงานเป็น inspector เช่นเดียวกับคนที่จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
เมื่อทำงานไประยะหนึ่งจะเข้าอบรมใน Police college
หลังจากนั้นก็มีหลักสูตร Middel Command Course และหลักสูตร High Command Course เทียบกับบ้านเราคือ หลักสูตรสารวัตร หลักสูตรผู้กำกับ และหลักสูตร บตส. นั่นเอง
วันนี้ผมเจอตำรวจหลายประเทศและเมื่อ refer ถึงคนที่เคยเจอกันก็รู้จักกันหลายคน ทำให้เห็นได้ว่าโลกเราและอาเซียนเริ่มแคบลงมาแล้วครับ เจอตำรวจอินโด 1 คน ชื่อ Albert ที่จบ บตส.รุ่นที่ 38 ด้วยครับ คุยกันว่าผมก็เพิ่งจบ บตส.รุ่นที่ 40 เค้ายิ่งดีใจเหมือนเป็นคนร่วมสถาบันเดียวกันครับ
วันนี้จบงานโดยเจ้าหน้าที่โรงแรมมานำเสนอว่าโรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไรบ้าง มี CCTV กี่จุด ทางเข้าออก ทางฉุกเฉิน เส้นทางอพยพหากเกิดเหตุฉุกเฉิน การซักซ้อมของโรงแรมที่ผ่านมา เป็นต้น ผมไม่แน่ใจว่าจุดมุ่งหมายของการนำเสนอคืออะไร ต้องการให้ลูกค้าเชื่อมั่นโรงแรม? หรือต้องการให้พวกเราที่เป็นตำรวจมาจากหลายประเทศเห็นว่าเค้ามีมาตรฐานดี? แต่สำหรับผมก็ดีครับ ทำให้เราทราบว่าเค้าเข้มงวดพอสมควรเรื่องความปลอดภัย
งานวันแรกจบที่เวลาเกือบ 22.00 น. เห็นป่าวครับพี่น้อง ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนนะครับ หุหุ...
สุดยอดเจ้านายผม พล.ต.ต.ดร.ปิยะ อุทาโย รรท.ผบช.สง.ก.ตร. ส่งมาอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสอาเซียน ที่อินโดนีเซีย ครับ
วันแรกของการเดินทาง เป็นครั้งแรกที่มาอินโดนีเซีย
ลงสนามบิน Soekkarno Hatta ออกจากเครื่องเข้าสนามบินบรรยากาศคล้ายสนามบินดอนเมือง และเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซีย 3-4 คน มารับถึงปากงวงทางออกเครื่องบิน ยิ่งรู้สึกเหมือนดอนเมืองมากขึ้นอีก เหมือน ตม.ไทย มา อน.เลยครับ !
ขึ้นรถที่มารับ เลยทักทายคนขับรถซะหน่อย Selamat pagi (สวัสดีตอนเช้า) Terima kasih (ขอบคุณครับ) แหม! คนขับชอบใจตอบกลับเสียงดังว่า Very good!
บทเรียนแรกที่ได้คือถ้าเราไปประเทศไหน แล้วพูดทักทายเป็นภาษาของประเทศนั้น แม้จะได้แค่นิดหน่อย ก็จะได้ใจจากคนประเทศนั้นมาก่อนแล้วครับ และถ้ารู้ภาษา Bahasa จะใช้ได้ถึงสามประเทศเลยครับ ทั้งอินโดฯ มาเลย์ฯ และบรูไน หรือถ้าเป็นคนสิงคโปร์เชื้อชาติมาเลย์ ก็ใช้ภาษานี้ด้วย (วันนี้ผมได้ยินตำรวจสิงคโปร์พูด Bahasa กับตำรวจมาเลย์)
เข้าพักที่ Century Park Hotel เป็นโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติอินโดนีเซีย Gelora Bung Karno Stadium มีสนามหลายประเภทอยู่ในบริเวณเดียวกัน

คณะผู้จัดการอบรม จัดห้องรับลงทะเบียนโดยเฉพาะ Two participants from Thailand is the first registers. !! ผมมากันสองคน มี น้องหมอ พ.ต.ท.ธนากร อ่อนทองคำ แห่ง กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่ได้อยากมาประเทศแรกหรอกครับ แต่เที่ยวบินมีเที่ยวเดียวต่อวันอ่ะครับ มาถึงเซ็นชื่อเสร็จรับของแจกทันที มีกระเป๋าถือ เสื้อ อุปกรณ์เครื่องเขียน ผู้จัด มีความพร้อมมากครับ แต่เอกสารท่องเที่ยว (แจกมาทำไมครับ ตารางเรียนแน่นเอี้ยดเลยครับ..)
หลังจากพักผ่อนนิดหนึ่งแล้ว ก็เลยออกไปเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ และห้างสรรพสินค้าใกล้ที่สุดแปปหนึ่ง แล้วกล้บมากินข้าวที่โรงแรมซึ่งจัดแยกโดยเฉพาะ อาหารอินโดฯ มื้อแรก ก็โอครับ อาหารคล้ายที่มาเลย์ แต่รสชาดจัดจ้านกว่า มีพริกคล้ายน้ำพริกเผาบ้านเราตั้งอยู่ แกล้งถามพนักงานโรงแรมว่าอะไร เค้าบอก chily very spicy แล้วทำถ้าให้รู้ว่ากินนิดเดียวพอ เดียวเผ็ด แล้วถามผมว่าจากไหน พอบอกว่า come from Thailand เค้าเลยบอกถ้างั้นคงไม่เผ็ดสำหรับผม 55 พอกินแล้วก็ไม่เท่าไรจริงๆด้วยครับ

การ Brief เริ่มด้วยการแนะนำตัวของแต่ละประเทศ ปัญหาการทำความใจตำแหน่งหน้าที่ของตำรวจแต่ละประเทศก็คือ ชื่อตำแหน่งที่มีระดับตำแหน่งไม่เหมือนกัน หรือเทียบกันไม่ได้ชัดเจน เราแก้ปัญหากันด้วย การบอกระยะเวลาเป็นตำรวจ จะเห็นภาพและเปรียบเทียบได้ว่าใครแก่กว่าใครหรือใครใหญ่กว่าใครดีกว่าครับ วันนี้คนที่อายุราชการนานสุดคือ มาเลเซียครับ สามสิบกว่าปี อ้อ! ลืมบอกว่ามีสุภาพสตรีจากเวียดนาม 1 คน ตอนแนะนำตัวเลยมีเสียงเชียรมากกว่าคนอื่นครับ
ผมแนะนำตัวและหน้าที่การงานที่ทำอยู่ และบอกว่าทำงานวิจัยเรื่องตำรวจอาเซียนอยู่ด้วยครับ หลักสูตรนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผม
บทเรียนต่อมา คือ Johni ผู้อำนวยการหลักสูตรได้เล่าให้ฟังถึงระบบการฝึกอบรมของตำรวจอินโดนีเซีย ซึ่งคล้ายหรือจะเรียกว่าเหมือนกับตำรวจไทยเลย คือคนที่อยากมาเป็นตำรวจ เข้ามาได้ 3 ช่องทางครับ
1.จบมัธยมปลาย (Senior high school) อายุ 18 ปี สอบเข้าโรงเรียนตำรวจ (police school) อบรม 9 เดือน ออกไปเป็นตำรวจตำแหน่ง second sergeant เทียบกับบ้านเราคือตำรวจชั้นประทวน ซึ่งโรงเรียนตำรวจ มีอยู่กระจายในทุกภูมิภาค
2.จบมัธยมปลาย เช่นเดียวกัน แต่สอบเข้า Police Academy เรียน 4 ปี เทียบกับบ้านเราคือ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีแห่งเดียวอยู่ที่ Semarang และเหมือนบ้านเราคือ แต่ละปีมีคนสอบหลายหมื่นคน รุ่นหนึ่งมี 300 คน หลังจากจบแล้วได้ตำแหน่ง Inspector
3.จบมหาวิทยาลัย เข้าสถาบันเรียกว่า Officer School อบรม 4 เดือน จบมาทำงานเป็น inspector เช่นเดียวกับคนที่จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
เมื่อทำงานไประยะหนึ่งจะเข้าอบรมใน Police college
หลังจากนั้นก็มีหลักสูตร Middel Command Course และหลักสูตร High Command Course เทียบกับบ้านเราคือ หลักสูตรสารวัตร หลักสูตรผู้กำกับ และหลักสูตร บตส. นั่นเอง
วันนี้ผมเจอตำรวจหลายประเทศและเมื่อ refer ถึงคนที่เคยเจอกันก็รู้จักกันหลายคน ทำให้เห็นได้ว่าโลกเราและอาเซียนเริ่มแคบลงมาแล้วครับ เจอตำรวจอินโด 1 คน ชื่อ Albert ที่จบ บตส.รุ่นที่ 38 ด้วยครับ คุยกันว่าผมก็เพิ่งจบ บตส.รุ่นที่ 40 เค้ายิ่งดีใจเหมือนเป็นคนร่วมสถาบันเดียวกันครับ
งานวันแรกจบที่เวลาเกือบ 22.00 น. เห็นป่าวครับพี่น้อง ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนนะครับ หุหุ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น