เยี่ยมชมบุรรีรัมย์ยูไนเต็ด
7 ก.ย.58 ดูงาน Burirum United International Circuit และสนาม i mobile โดยท่านประธานสโมสร พี่ เนวิน ชิดชอบ (ขออนุญาตเรียกพี่ เพราะเป็น OSK ครับ) ให้เกียรติมาบรรยายสรุปด้วยตัวเองครับ😀
ปัจจุบันถือว่าบุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬา พี่เนวิน บอกว่าแนวทางดังกล่าวและโลกปัจจุบันอาจทำเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ยากหน่อย ยากอย่างไร ? บตส.40 เริ่มสงสัยครับ!!
พี่เนวิน เฉลยว่า บุรีรัมย์มีลักษณะแตกต่างจากที่อื่น โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการติดต่อแบบ two way communication สมัยก่อนตำรวจทำงานง่ายกว่านี้ เนื่องจากเป็น one way communication เราเคยได้ยินถิ่นคำทำนายว่าโลกจะเข้าสู่ยุคถิ่นกาขาว นั่นก็คือยุคชาวศิวิไลซ เป็นโลกยุค IT เราเรียกว่ายุคชินเดอลิล่าเวิลร์ด มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตำรวจทำงานอยู่อาจถูกบันทึก clip ได้ง่าย ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย
พี่เนวินยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาสังคมที่เป็นโมเดลบุรีรัมย์ คือ ปัญหาแวนต์บอย สกอยต์เกริล ซึ่งที่บุรีรัมย์เราเรียก bike boy bike girl ช่วงก่อนเราแก้ไขปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
หากทำโดยไม่ได้รับการยอมรับ จะแก้ปัญหาไม่ได้ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอที่จะบังคับใช้กฎหมายแก้ปัญหาช่วงแรกบุรีรัมย์ ก็แก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม คนที่เดือดร้อนคือผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นผู้สั่งให้มีการระดมจับกุม เด็กแวนต์ก็เลยมาแว้นต์หน้าจวนผู้ว่าฯ จนไม่ต้องหลับต้องนอน
บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ก็เลยมาคุยกับตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง ให้เด็ก แกนนำ มานั่งคุยกัน เอาเด็กไปอยู่ในสนาม ทำได้เต็มที่ แต่ตอนไปตอนกลับ ต้องปฏิบัติตามกฎจราจร
ในช่วงสัปดาห์แรกๆมีไม่มาก จนสัปดาห์ที่ 4 มีประมาณ 2,000 กว่าคัน เราก็เริ่มกำหนดกติกา ให้ใส่รองเท้าหุ้มส้น เด็กพร้อมจะจัดระเบียบ จัดกันเองด้วย เห็นใครใส่รองเท้าแตะ ชี้กันเอง ต่อไปเริ่มให้ใส่หมวกกันน็อค เป็นการยอมรับซึ่งกันและกัน ไม่ได้ใช้กฎหมาย
หัวใจของความสำเร็จเป็นเรื่องของ "ความเข้าใจ" และ "การยอมรับ"
ผมเห็นว่านี่คือหัวใจของการบังคับใช้กฎหมายยุคสมัยใหม่ครับ!!!
ผลการแก้ปัญหา เด็กแวนท์หายไปประมาณ 85% เสาร์อาทิตย์มาที่สนามบุรีรัมย์ มาแบบอารมณ์อยากโชว์ อยากแสดงออก เด็กและเยาวชนอยากแสดงให้เห็นว่า เป็น somebody ไม่ใช่ nobody ไม่มีปัญหาทะเลาะวิวาท มาเพื่อแสดงออก อยากเป็นฮีโร่ สิ่งนี้เป็นความต้องการของเด็ก
ปัจจุบันในบุรีรัมย์ ตำรวจต้องทำงานกับมวลชน เป็นหลักหมื่น ทุกสัปดาห์ อาจมีปัญหาบ้างเรื่องทเลาะวิวาท แต่ตัวเลขอาชญากรรมลดลง
การแก้ปัญหาเด็กแวนต์ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รู้จักเด็กพวกนี้ มีโอกาสเข้าไป add line group ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของเด็กและเยาวชนพวกนี้ เมื่อเข้าไปใน social network ทำให้ทราบข่าวหมด ไม่ต้องใช้วิธีดั้งเดิมที่ต้องไปถามผู้นำชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้านเพราะไม่ทันการณ์และไม่ได้ข้อมูลข่าวสารตามที่ต้องการ สามารถรป้องกันเหตุได้หรือสามารถจับกุมได้รวดเร็ว นี่คือประโยชน์มุมบวกของ social media
บุรีรัมย์ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเมืองได้เพราะ
-มีกลไกการยอมรับ
-ความเข้าใจ
-การมีส่วนร่วมของประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชน
หากการคิดพัฒนาเมืองอยู่ในมิติเดิม ไม่มีทางสำเร็จ
บุรีรัมย์ กลายเป็นเมืองที่มีการจัด event ใหญ่มากที่สุดในประเทศไทยหรืออาจจะมากที่สุดในเอเซีย สนาม i mobile มีการแข่งขันฟุตบอล 30 แมทช์/ปี รวมฟุตบอลกับการแข่งรถ รวมมีประมาณ 100 กว่า event โดยเฉลี่ยมีการจัด event ทุก 4 วัน 1 ครั้ง
เหตุผลที่ทำให้บุรีรัมย์ พัฒนาอย่างรวดเร็ว คือ
1.แปลกกว่าคนอื่น สนามแข่งรถ 🏁 สนามฟุตบอล⚽️ แบบนี้ไม่มีในประเทศไทย
2.อลังการ⛲️ สนามที่สร้างขึ้น คนไม่คิดว่าจะเป็นบุรีรัมย์ อาจคิดว่าเป็นสนามในอังกฤษ สเปน หรือเมืองใหญ่ๆ ในประเทศไทย
3.มาตรฐาน 🇯🇵🇸🇪intenational standard 🇬🇧🇺🇸เป็นมาตรฐานที่ต่างประเทศเขาใช้กัน ยอมรับเหมือนกัน ไม่ใช่มาตรฐานไทย หากเราอยู่ในสังคมที่มีมาตรฐานที่ทุกคนยอมรับ เป็นเรื่องง่าย เพราะมีมาตรฐานเดียว ไม่มี 2 มาตรฐาน
4.tailor made การจัดการปัญหาใช้แบบที่เหมาะสมกับปัญหา ไม่ใช่ใช้วิธีการเดียวกับทุกปัญหา ทุกพื้นที่
⚽️ปัจจุบันสนาม i mobile มีสถิติเป็นฟุตบอลสเตเดียมที่สร้างเร็วที่สุดของโลก ใช้เวลาสร้าง 256 วัน มี 32,600 ที่นั่ง ใหญ่ที่สุดในเอซีย
🏁สนามแข่งรถ Chang International Circuit เป็น 1 ใน 26 สนามในโลก ที่ได้มาตรฐานของ Federation Internationale de IAutomobile หรือ FIA เป็นสนามที่ใช้แข่งรถฟอร์มูล่าวันได้ เป็นสนามที่เมื่อคนดูอยู่บนอัฒจันทร์ สามารถมองเห็นได้ทุกโค้ง 100% เห็นได้แบบ panorama
เป็นสนามที่ใช้เวลาสร้างเพียง 422 วัน ความยาว 4,554 กม. ความเร็วสูงสุดของรถ 315 กม./ชม ความเร็วขณะเข้าโค้ง 261 กม./ชม. คู่แข่งของสนามนี้คือ สนามเซบัง มาเลเซีย ซึ่งสนามเป็นของรัฐบาลมาเลเซีย แต่บุรีรัมย์เป็นของเอกชน 100% เรากล้าแข่งกับมาเลเซีย เพราะเห็นว่าคนดูมอเตอร์สปอร์ต ไม่ใช่ชอบมอร์เตอร์สปอร์ตเท่านั้น แต่ต้องการ entertainment ด้วย
ระยะเวลา 11 เดือน เราประสบความสำเร็จในมอเตอร์สปอร์ต
การแข่งขันรถมอเตอร์ไซต์ชิงแชมป์เอเซีย ปี 1014 บุรีรัมย์เป็น 1 ใน 6 สนามแข่ง ใน 5 ประเทศ แต่ปี 2015 มาแข่งในไทย 2 สนาม เพราะบุรีรัมย์ มีทุกอย่าง!! ท่านประธาน ย้ำครับ! มีทุกอย่าง นอกเหนือจากสนามแข่ง
คนต้องการแสวงหาความสุข ประเทศที่เป็นสนามแข่งอื่นเป็นมุสลิม แข่งเสร็จรีบออกจากประเทศทันที
ท่านประธานสโมสร เล่าถึงวิสัยทัศน์ ให้เห็นเป้าในอนาคตของสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดที่ชัดเจนมาก ว่า
-หลังจากเข้า AEC 3 ปี บุรีรัมย์จะต้องเป็น Hub ของอาเซียน ในด้านฟุตบอล และมอเตอร์สปอร์ต
-บุรีรัมย์ จะเป็น Top 5 ของเอเซีย โดย 2% ของประชากรอาเซียน คือประมาณ 12 ล้านคน จะเป็นแฟนบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และ 20% ของแฟนบุรีรัมย์ ต้องการมาดูบุรีรัมย์ตัวเป็นๆ ให้ได้ ที่ จว.บุรีรัมย์
-พัฒนาเมืองกีฬาอย่างครบวงจร เมื่อมีคนมาดูบอล ดูแข่งรถ ยิงปืน เล่นวอเตอร์สปอร์ต เป็นเมืองกีฬา มีนักท่องเที่ยวปีละ 3 ล้านคน หวังแค่มาใช้จ่ายคนละ 3,000 บาท ปีละประมาณหนึ่งหมื่นล้าน เอง...ครับ
กีฬาไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างสุขภาพ แต่เป็นเครื่องมือสร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ราคาที่ดินขึ้นสูง การพัฒนาเมืองไม่ใช่การสร้างโรงงาน ดึงโรงงาน สร้างนิคมอุตสาหกรรม แล้วเมืองจะดีขึ้น โตขึ้น เพราะอาจมีปัญหาสิ่งแวดล้อม เกิดการต่อต้าน มีปัญหาสังคมตามมา
พี่เนวิน เผยความในใจว่าทำไมจึงมีแนวทางพัฒนาให้เป็นเมืองกีฬา? เพราะไม่อยากสร้างบาปให้เมืองนี้ ไม่อยากให้เมืองนี้เติบโตทางเศรษฐกิจ
แล้วมีปัญหาสังคมตามมา คนที่ชอบกีฬารักกีฬา คิดถึงเรื่องกีฬามาเมืองนี้ จะทำให้ยาเสพติดห่างออกไป เป็นวัคซีน สร้างและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากยาเสพติด เด็กมี idol เป็นนักกีฬา ทำให้เด็กรักกันมากขึ้น มีความเป็นพวกเดียวกัน
ที่ผ่านมา บุรีรัมย์มี GDP โตขึ้น 32%
รายได้จากสโมสรฟุตบอล 470 ล้านบาท จำหน่ายเสื้อได้ 460,000 ตัว
ปี่ที่แล้ว ขายเสื่อได้เงิน 230 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดที่มากกว่า 17 สโมสร Premier League ของไทยทั้งหมดรวมกัน
ปี 2015 ขณะนี้ขายเสื้อได้ 380,000 ตัว ประเมินว่าน่าจะทะลุ 500,000 ตัว อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายสำหรับสโมสรก็สูงมาก ค่าจ้างนักฟุตบอล เงินเดือนเบี้ยเลี้ยงประมาณ 250 ล้าน
ค่าจ้างนักฟุตบอล พี่เนวิน บอกว่าถ้า บตส.40 ทราบแล้ว อาจจะคิดว่าเกิดเร็วไปหน่อย เพราะถ้าเกิดตอนนี้จะได้หัดเล่นฟุตบอลให้เก่ง...
ค่าจ้างสูงสุด... 659,000 บาท/เดือน/คน...!!!
รายได้นักฟุตบอลของบุรีรัมย์ยูไนเต็ด..เฉลี่ย.. 400,000 บาท/เดือน..!!
บุรีรัมย์มี Academy ที่มีการคัดเด็กจากทั่วประเทศ พี่เนวินบอกว่าเข้ายากและไม่มีวิ่งเต้น จะเข้า Academy ยากกว่าวิ่งเป็น ผกก.อีกครับ (ฮา..) นักฟุตบอลต้อง เรียนหนังสือ เป็นนักบอลต้องฉลาดครับ ถ้าโง่เป็นนักฟุตบอลเก่งไม่ได้ เพราะนักบอลต้องคิด⚽️ ไม่ใช่ความคิดแบบเก่าที่ว่าเรียนหนังสือไม่เก่งให้ มาเล่นฟุตบอล ในต่างประเทศนักบอลก็เรียนหนังสือ
ที่สำคัญที่ท่านประธานเน้นมาก คือ การมีวินัย การอยู่ใน academy ต้องมีวินัยสูงมาก มีนักโภชนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา ควบคุมการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิต การฝึกซ้อม จะทำฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จคือ วินัย ก็เหมือนกับการใช้ชีวิตใน รร.นรต. สามพราน เหมือนกันครับ
พี่เนวินให้เคล็ดลับวิธีการเลือกใช้คน เมื่อต้องการจะทำงานสักเรื่องหนึ่ง คิดว่าจะมอบหมายให้ใครรับผิดอบดี? ใช้วิธีลองพูดให้ฟัง ว่าอยากทำอะไร ถ้าลูกน้องคนไหนสนใจจะ search ข้อมูลมาให้ดู หรือแสดงความเห็นออกมา เลือกใช้คนนั้น เพราะถือว่ามีความสนใจ และอยากรู้ มีโอกาสจะทำให้งานสำเร็จกว่าคนที่ไม่สนใจ
สิ่งต่างๆ ที่บุรีรัมย์พัฒนามา มี บตส.40 รองไก่ ถามถึงความต่อเนื่อง ท่านประธานตอบว่าการบริหาร ใช้คนรุ่นใหม่ทั้งหมด ผู้จัดการสโมสร ผู้จัดการสนามแข่งรถ บริหารเงินเป็นพันๆ ล้าน อายุ 30 ปีเศษ!! ครับ
ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด สรุปแนวทางและวิสัยทัศน์การบริหารไว้อย่างน่าสนใจว่า
...โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกเสียงเท่ากัน การติดต่อระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นแบบ two way communication ต้องรับผิดชอบต่อประชาขน
...เมื่อเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยน เปลี่ยนความคิด ชีวิตจะเปลี่ยน ตราบใดที่ไม่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตจะไม่เปลี่ยน
...เราต้องพิจารณาตัวเอง และการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา เราทำซ้ำๆ แค่ต่างกรรมต่างวาระ ที่ผ่านมาเรามักไม่เคยทบทวนตัวเอง เราทำงาน สั่งลูกน้อง ด้วยวิธีการเดิม ต้องพิจารณาทบทวนตัวเอง
แล้วชีวิตจะเปลี่ยน...
บตส.40 ไม่ได้ไปดูงานต่างประเทศ ไม่ได้ไปดูพระราชวังบักกิ่งแฮมในอังกฤษ แต่ก็ดีใจครับที่ได้มาดูปราสาทหินพนมรุ้ง ที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมยาวนาน
ไม่ได้ไปดูสโมสร Newcastle แต่ก็ดีใจครับที่ได้มาดูสนามสโมสร Thunder Castle ครับ...
ปัจจุบันถือว่าบุรีรัมย์เป็นเมืองกีฬา พี่เนวิน บอกว่าแนวทางดังกล่าวและโลกปัจจุบันอาจทำเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ยากหน่อย ยากอย่างไร ? บตส.40 เริ่มสงสัยครับ!!
พี่เนวิน เฉลยว่า บุรีรัมย์มีลักษณะแตกต่างจากที่อื่น โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการติดต่อแบบ two way communication สมัยก่อนตำรวจทำงานง่ายกว่านี้ เนื่องจากเป็น one way communication เราเคยได้ยินถิ่นคำทำนายว่าโลกจะเข้าสู่ยุคถิ่นกาขาว นั่นก็คือยุคชาวศิวิไลซ เป็นโลกยุค IT เราเรียกว่ายุคชินเดอลิล่าเวิลร์ด มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตำรวจทำงานอยู่อาจถูกบันทึก clip ได้ง่าย ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นมากมาย
พี่เนวินยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาสังคมที่เป็นโมเดลบุรีรัมย์ คือ ปัญหาแวนต์บอย สกอยต์เกริล ซึ่งที่บุรีรัมย์เราเรียก bike boy bike girl ช่วงก่อนเราแก้ไขปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หากทำโดยไม่ได้รับการยอมรับ จะแก้ปัญหาไม่ได้ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงพอที่จะบังคับใช้กฎหมายแก้ปัญหาช่วงแรกบุรีรัมย์ ก็แก้ปัญหาด้วยวิธีเดิม คนที่เดือดร้อนคือผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นผู้สั่งให้มีการระดมจับกุม เด็กแวนต์ก็เลยมาแว้นต์หน้าจวนผู้ว่าฯ จนไม่ต้องหลับต้องนอน
บุรีรัมย์ยูไนเต็ด ก็เลยมาคุยกับตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง ให้เด็ก แกนนำ มานั่งคุยกัน เอาเด็กไปอยู่ในสนาม ทำได้เต็มที่ แต่ตอนไปตอนกลับ ต้องปฏิบัติตามกฎจราจร
ในช่วงสัปดาห์แรกๆมีไม่มาก จนสัปดาห์ที่ 4 มีประมาณ 2,000 กว่าคัน เราก็เริ่มกำหนดกติกา ให้ใส่รองเท้าหุ้มส้น เด็กพร้อมจะจัดระเบียบ จัดกันเองด้วย เห็นใครใส่รองเท้าแตะ ชี้กันเอง ต่อไปเริ่มให้ใส่หมวกกันน็อค เป็นการยอมรับซึ่งกันและกัน ไม่ได้ใช้กฎหมาย หัวใจของความสำเร็จเป็นเรื่องของ "ความเข้าใจ" และ "การยอมรับ"
ผมเห็นว่านี่คือหัวใจของการบังคับใช้กฎหมายยุคสมัยใหม่ครับ!!!
ผลการแก้ปัญหา เด็กแวนท์หายไปประมาณ 85% เสาร์อาทิตย์มาที่สนามบุรีรัมย์ มาแบบอารมณ์อยากโชว์ อยากแสดงออก เด็กและเยาวชนอยากแสดงให้เห็นว่า เป็น somebody ไม่ใช่ nobody ไม่มีปัญหาทะเลาะวิวาท มาเพื่อแสดงออก อยากเป็นฮีโร่ สิ่งนี้เป็นความต้องการของเด็ก
ปัจจุบันในบุรีรัมย์ ตำรวจต้องทำงานกับมวลชน เป็นหลักหมื่น ทุกสัปดาห์ อาจมีปัญหาบ้างเรื่องทเลาะวิวาท แต่ตัวเลขอาชญากรรมลดลง
การแก้ปัญหาเด็กแวนต์ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ รู้จักเด็กพวกนี้ มีโอกาสเข้าไป add line group ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของเด็กและเยาวชนพวกนี้ เมื่อเข้าไปใน social network ทำให้ทราบข่าวหมด ไม่ต้องใช้วิธีดั้งเดิมที่ต้องไปถามผู้นำชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้านเพราะไม่ทันการณ์และไม่ได้ข้อมูลข่าวสารตามที่ต้องการ สามารถรป้องกันเหตุได้หรือสามารถจับกุมได้รวดเร็ว นี่คือประโยชน์มุมบวกของ social media
บุรีรัมย์ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเมืองได้เพราะ
-มีกลไกการยอมรับ
-ความเข้าใจ
-การมีส่วนร่วมของประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชน
หากการคิดพัฒนาเมืองอยู่ในมิติเดิม ไม่มีทางสำเร็จ
บุรีรัมย์ กลายเป็นเมืองที่มีการจัด event ใหญ่มากที่สุดในประเทศไทยหรืออาจจะมากที่สุดในเอเซีย สนาม i mobile มีการแข่งขันฟุตบอล 30 แมทช์/ปี รวมฟุตบอลกับการแข่งรถ รวมมีประมาณ 100 กว่า event โดยเฉลี่ยมีการจัด event ทุก 4 วัน 1 ครั้ง
เหตุผลที่ทำให้บุรีรัมย์ พัฒนาอย่างรวดเร็ว คือ
1.แปลกกว่าคนอื่น สนามแข่งรถ 🏁 สนามฟุตบอล⚽️ แบบนี้ไม่มีในประเทศไทย
2.อลังการ⛲️ สนามที่สร้างขึ้น คนไม่คิดว่าจะเป็นบุรีรัมย์ อาจคิดว่าเป็นสนามในอังกฤษ สเปน หรือเมืองใหญ่ๆ ในประเทศไทย
3.มาตรฐาน 🇯🇵🇸🇪intenational standard 🇬🇧🇺🇸เป็นมาตรฐานที่ต่างประเทศเขาใช้กัน ยอมรับเหมือนกัน ไม่ใช่มาตรฐานไทย หากเราอยู่ในสังคมที่มีมาตรฐานที่ทุกคนยอมรับ เป็นเรื่องง่าย เพราะมีมาตรฐานเดียว ไม่มี 2 มาตรฐาน
4.tailor made การจัดการปัญหาใช้แบบที่เหมาะสมกับปัญหา ไม่ใช่ใช้วิธีการเดียวกับทุกปัญหา ทุกพื้นที่
⚽️ปัจจุบันสนาม i mobile มีสถิติเป็นฟุตบอลสเตเดียมที่สร้างเร็วที่สุดของโลก ใช้เวลาสร้าง 256 วัน มี 32,600 ที่นั่ง ใหญ่ที่สุดในเอซีย
🏁สนามแข่งรถ Chang International Circuit เป็น 1 ใน 26 สนามในโลก ที่ได้มาตรฐานของ Federation Internationale de IAutomobile หรือ FIA เป็นสนามที่ใช้แข่งรถฟอร์มูล่าวันได้ เป็นสนามที่เมื่อคนดูอยู่บนอัฒจันทร์ สามารถมองเห็นได้ทุกโค้ง 100% เห็นได้แบบ panorama
เป็นสนามที่ใช้เวลาสร้างเพียง 422 วัน ความยาว 4,554 กม. ความเร็วสูงสุดของรถ 315 กม./ชม ความเร็วขณะเข้าโค้ง 261 กม./ชม. คู่แข่งของสนามนี้คือ สนามเซบัง มาเลเซีย ซึ่งสนามเป็นของรัฐบาลมาเลเซีย แต่บุรีรัมย์เป็นของเอกชน 100% เรากล้าแข่งกับมาเลเซีย เพราะเห็นว่าคนดูมอเตอร์สปอร์ต ไม่ใช่ชอบมอร์เตอร์สปอร์ตเท่านั้น แต่ต้องการ entertainment ด้วย
ระยะเวลา 11 เดือน เราประสบความสำเร็จในมอเตอร์สปอร์ต
การแข่งขันรถมอเตอร์ไซต์ชิงแชมป์เอเซีย ปี 1014 บุรีรัมย์เป็น 1 ใน 6 สนามแข่ง ใน 5 ประเทศ แต่ปี 2015 มาแข่งในไทย 2 สนาม เพราะบุรีรัมย์ มีทุกอย่าง!! ท่านประธาน ย้ำครับ! มีทุกอย่าง นอกเหนือจากสนามแข่ง
คนต้องการแสวงหาความสุข ประเทศที่เป็นสนามแข่งอื่นเป็นมุสลิม แข่งเสร็จรีบออกจากประเทศทันที
ท่านประธานสโมสร เล่าถึงวิสัยทัศน์ ให้เห็นเป้าในอนาคตของสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ดที่ชัดเจนมาก ว่า
-หลังจากเข้า AEC 3 ปี บุรีรัมย์จะต้องเป็น Hub ของอาเซียน ในด้านฟุตบอล และมอเตอร์สปอร์ต
-บุรีรัมย์ จะเป็น Top 5 ของเอเซีย โดย 2% ของประชากรอาเซียน คือประมาณ 12 ล้านคน จะเป็นแฟนบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และ 20% ของแฟนบุรีรัมย์ ต้องการมาดูบุรีรัมย์ตัวเป็นๆ ให้ได้ ที่ จว.บุรีรัมย์
-พัฒนาเมืองกีฬาอย่างครบวงจร เมื่อมีคนมาดูบอล ดูแข่งรถ ยิงปืน เล่นวอเตอร์สปอร์ต เป็นเมืองกีฬา มีนักท่องเที่ยวปีละ 3 ล้านคน หวังแค่มาใช้จ่ายคนละ 3,000 บาท ปีละประมาณหนึ่งหมื่นล้าน เอง...ครับ
กีฬาไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างสุขภาพ แต่เป็นเครื่องมือสร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ราคาที่ดินขึ้นสูง การพัฒนาเมืองไม่ใช่การสร้างโรงงาน ดึงโรงงาน สร้างนิคมอุตสาหกรรม แล้วเมืองจะดีขึ้น โตขึ้น เพราะอาจมีปัญหาสิ่งแวดล้อม เกิดการต่อต้าน มีปัญหาสังคมตามมา
พี่เนวิน เผยความในใจว่าทำไมจึงมีแนวทางพัฒนาให้เป็นเมืองกีฬา? เพราะไม่อยากสร้างบาปให้เมืองนี้ ไม่อยากให้เมืองนี้เติบโตทางเศรษฐกิจ
แล้วมีปัญหาสังคมตามมา คนที่ชอบกีฬารักกีฬา คิดถึงเรื่องกีฬามาเมืองนี้ จะทำให้ยาเสพติดห่างออกไป เป็นวัคซีน สร้างและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากยาเสพติด เด็กมี idol เป็นนักกีฬา ทำให้เด็กรักกันมากขึ้น มีความเป็นพวกเดียวกัน
ที่ผ่านมา บุรีรัมย์มี GDP โตขึ้น 32%
รายได้จากสโมสรฟุตบอล 470 ล้านบาท จำหน่ายเสื้อได้ 460,000 ตัว
ปี่ที่แล้ว ขายเสื่อได้เงิน 230 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดที่มากกว่า 17 สโมสร Premier League ของไทยทั้งหมดรวมกัน
ปี 2015 ขณะนี้ขายเสื้อได้ 380,000 ตัว ประเมินว่าน่าจะทะลุ 500,000 ตัว อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายสำหรับสโมสรก็สูงมาก ค่าจ้างนักฟุตบอล เงินเดือนเบี้ยเลี้ยงประมาณ 250 ล้าน
ค่าจ้างนักฟุตบอล พี่เนวิน บอกว่าถ้า บตส.40 ทราบแล้ว อาจจะคิดว่าเกิดเร็วไปหน่อย เพราะถ้าเกิดตอนนี้จะได้หัดเล่นฟุตบอลให้เก่ง...
ค่าจ้างสูงสุด... 659,000 บาท/เดือน/คน...!!!
รายได้นักฟุตบอลของบุรีรัมย์ยูไนเต็ด..เฉลี่ย.. 400,000 บาท/เดือน..!!
บุรีรัมย์มี Academy ที่มีการคัดเด็กจากทั่วประเทศ พี่เนวินบอกว่าเข้ายากและไม่มีวิ่งเต้น จะเข้า Academy ยากกว่าวิ่งเป็น ผกก.อีกครับ (ฮา..) นักฟุตบอลต้อง เรียนหนังสือ เป็นนักบอลต้องฉลาดครับ ถ้าโง่เป็นนักฟุตบอลเก่งไม่ได้ เพราะนักบอลต้องคิด⚽️ ไม่ใช่ความคิดแบบเก่าที่ว่าเรียนหนังสือไม่เก่งให้ มาเล่นฟุตบอล ในต่างประเทศนักบอลก็เรียนหนังสือ
ที่สำคัญที่ท่านประธานเน้นมาก คือ การมีวินัย การอยู่ใน academy ต้องมีวินัยสูงมาก มีนักโภชนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา ควบคุมการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิต การฝึกซ้อม จะทำฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จคือ วินัย ก็เหมือนกับการใช้ชีวิตใน รร.นรต. สามพราน เหมือนกันครับ
พี่เนวินให้เคล็ดลับวิธีการเลือกใช้คน เมื่อต้องการจะทำงานสักเรื่องหนึ่ง คิดว่าจะมอบหมายให้ใครรับผิดอบดี? ใช้วิธีลองพูดให้ฟัง ว่าอยากทำอะไร ถ้าลูกน้องคนไหนสนใจจะ search ข้อมูลมาให้ดู หรือแสดงความเห็นออกมา เลือกใช้คนนั้น เพราะถือว่ามีความสนใจ และอยากรู้ มีโอกาสจะทำให้งานสำเร็จกว่าคนที่ไม่สนใจ
สิ่งต่างๆ ที่บุรีรัมย์พัฒนามา มี บตส.40 รองไก่ ถามถึงความต่อเนื่อง ท่านประธานตอบว่าการบริหาร ใช้คนรุ่นใหม่ทั้งหมด ผู้จัดการสโมสร ผู้จัดการสนามแข่งรถ บริหารเงินเป็นพันๆ ล้าน อายุ 30 ปีเศษ!! ครับ
ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด สรุปแนวทางและวิสัยทัศน์การบริหารไว้อย่างน่าสนใจว่า
...โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกเสียงเท่ากัน การติดต่อระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นแบบ two way communication ต้องรับผิดชอบต่อประชาขน
...เมื่อเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยน เปลี่ยนความคิด ชีวิตจะเปลี่ยน ตราบใดที่ไม่เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตจะไม่เปลี่ยน
...เราต้องพิจารณาตัวเอง และการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา เราทำซ้ำๆ แค่ต่างกรรมต่างวาระ ที่ผ่านมาเรามักไม่เคยทบทวนตัวเอง เราทำงาน สั่งลูกน้อง ด้วยวิธีการเดิม ต้องพิจารณาทบทวนตัวเอง
แล้วชีวิตจะเปลี่ยน...
บตส.40 ไม่ได้ไปดูงานต่างประเทศ ไม่ได้ไปดูพระราชวังบักกิ่งแฮมในอังกฤษ แต่ก็ดีใจครับที่ได้มาดูปราสาทหินพนมรุ้ง ที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมยาวนาน
ไม่ได้ไปดูสโมสร Newcastle แต่ก็ดีใจครับที่ได้มาดูสนามสโมสร Thunder Castle ครับ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น