ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

5 ต.ค.58 วันที่สองของ 25th JASPOC: ทำความรู้จักกับ ตำรวจอินโดนีเซีย


      เริ่มต้นวันที่สองโดย Snr. Supt. Drs. Johni Asadoma ผู้ดูแลหลักสูตร ซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้านายสุดยอดของผม ท่าน พล.ต.ต.ดร.ปิยะ (อยากใส่ยศใหม่แล้วอ่ะครับ..) มาเป็นผู้ควบคุมและซักซ้อมพิธีเปิด คล้ายกับตำรวจไทยครับ ที่ต้องการให้พิธีการต่างๆ ราบรื่นต่อหน้าประธานในวันนี้คือ รองหัวหน้าตำรวจอินโดนีเซีย (Deputy Chief of Indonesia National Police คือ Drs. Budi Gunawan S. H., M.Si., PhD มาแทนหัวหน้าตำรวจที่ต้องไปร่วมงานของกองทัพอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นงานสำคัญมาก
     เนื่องจากเดิม ตำรวจ ขึ้นอยู่กับกองทัพอินโดนีเซีย แต่ได้แยกตัวออกมาภายหลัง (รองหัวหน้าตำรวจอินโดฯ มีคนเดียวนะครับ ดังนั้น เวลาเค้าบอกว่ารองหัวหน้าเค้าเป็น number two จึงเป็นคนที่สองรองจากหัวหน้าจริงๆ ไม่ได้มีรองหลายคนเหมือนตำรวจไทย)
 

‍    ‍ พิธีเปิดมีขั้นตอนคล้ายๆ บ้านเรา ประธานมา กล่าวรายงาน ต่างกันที่เรียกชื่อผู้เข้ารับการอบรมขึ้นไปโชว์ตัวบนเวทีที่ละคน เหมือนประกวดนางงาม เลยครับ รูปแบบการจัดเวทีของอินโดนีเซีย การเดินขึ้นเวที บันไดอยู่ด้านหน้ากลางเวที โพลเดียมตั้งกลางเวทีขณะที่แต่ละคนเดินขึ้นเวทีและยืนทำความเคารพประธาน ทำให้เห็นท่าเดินและการทำความเคารพที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ
     มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ จะทำวันทยาหัตถ์เฉพาะในขณะสวมหมวกเท่านั้น ถ้าไม่สวมหมวก จะทำท่ายืนตรงชิดเท้า (คล้ายกระทืบเท้ามากกว่าครับ) และขณะยืนจะกำมือ
     ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม แม้จะไม่สวมหมวก ก็ยกมือขึ้นทำวันทยหัตถ์ ขณะวันทยหัตถ์ จะกำมือเช่นเดียวกัน
     ไทยแลนด์ ไม่เหมือนใครเลยครับ เพราะเวลาไม่สวมหมวก ใช้ท่าคำนับ (ในวันแรกตำรวจมาเลย์บอกว่าท่าคำนับ เป็นการทำความเคารพของ civilian) และขณะยืนตรง พวกเราต้องนิ้วเรียงติดกัน ไม่กำมือ (ยกเว้นพวกอู้!! อ่ะครับ)
ลาว กัมพูชา และ เมียนมาร์ ไม่ทราบนะครับ เพราะไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วม
     ท่าการทำความเคารพที่แตกต่างกัน ผมสันนิษฐานเอง ว่าอาจจะได้รับอิทธิพลจากระบบงานตำรวจที่เป็นมรดกจากชาติเจ้าอาณานิคมของประเทศนั้นๆ ในอดีต
     ทั้งการกล่าวเปิดของท่านประธานและการชี้แจงของผู้ควบคุมหลักสูตร สรุปได้ว่าวัตถุประสงค์ของหลักสูตรนี้ คือ การยกระดับและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตำรวจประเทศอาเซียน การสร้างทีมงาน สร้างเครือข่ายระหว่างผู้เข้ารับการอบรม เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ซึ่งปัญหาสำคัญที่ประเทศต่างๆ ต้องเผชิญคืออาชญากรรมข้ามชาติ cyber crime การค้ามนุษย์ ยาเสพติด ... จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติความร่วมมือต่างๆ เช่น เมื่อคนร้ายหลบหนีจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง สามารถประสานงาน ช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน การอบรมครั้งนี้จึงจัดที่นั่งสลับกันระหว่างประเทศต่างๆ กับตำรวจอินโดนีเซีย ซึ่งมาจากหน่วยตำรวจทั่วประเทศ Snr. Supt. Johni จึงบอกให้พวกเราคุยกันให้มากระหว่างกินข้าวกินกาแฟ ส่วนเรื่องเนื้อหาวิชาต่างๆ เป็นวัตถุประสงค์รองครับ
      แต่ขอวิจารณ์นิสนุงครับ อยากให้เราสร้างความสัมพันธ์กันให้มาก แต่โปรแกรมแน่นเอียดมากครับ ผมว่าต้องให้มาดูงานการอบรมหลักสูตร บตส. ครับ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น เพราะกิจกรรมนันทนาการเพียบ!!!
     พิธีเปิด จบลงด้วยการตีฆ้องของท่านประธาน เสร็จแล้วร้องเพลงชาติ โดยมีตำรวจหญิงอินโด ออกมายืนบนเวทีเป็นไวทยากรให้จังหวะ แปลกดีครับผมไม่เคยเห็นมาก่อน จะถ่ายรูปมาฝากก็ไม่กล้าครับ เค้ากำลังซีเรียสกันอยู่ ตบท้ายด้วยการสวดของมุสลิม ครับ ไทยแลนด์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ยืนกันเฉยๆ นอกนั้นเค้าสวดกันหมด อินโดฯ มาเลย์ฯ บรูไน สิงคโปร์
     เสร็จแล้วไปถ่ายรูปหมู่ สงสัยตำรวจไทย เสน่ห์แรงอ่ะครับ เพราะตำรวจหญิงเวียดนาม คว้าแขนผมกับน้องหมอ พ.ต.ท.ธนากร อ่อนทองคำ สว.บก.สส.บช.น. ไปคล้อง ทำผมโตะใจ หมดเลย !!



      การทำงานในวันที่สอง หาโอกาสช่วงพักกินกาแฟ หรือขณะนั่งรอก่อนการบรรยาย เป็นสปายสืบสวนข้อมูลตำรวจอาเซียน แต่ปัญหาที่เจอก็คือ ทุกคนไม่ได้สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้พอใช้ ถึงดี เพราะฉะนั้นเค้าก็จะไม่สามารถอธิบายให้เราเข้าใจได้ ทางแก้ก็ต้องถามจากคนที่สามารถสื่อสารได้ดีครับ
      ยืนกินกาแฟกับ Psupt. Roberto จากฟิลิปปินส์ และตำรวจอินโดนีเซีย ทำให้ทราบว่าสองประเทศนี้ ระบบคล้ายกัน คือมียศและตำแหน่ง โดยเครื่องหมายยศดูเผินๆ ก็คล้ายๆ กัน คือ เป็นรูปดอกไม้ (flower)ซึ่งเป็นเครื่องหมายสำหรับคนที่ผมให้ความหมายว่าเป็นผู้บริหารระดับต้น ถึงระดับกลาง เทียบกับบ้านเราก็ประมาณ สารวัตร-ผู้กำกับการ ส่วนเครื่องหมายรูปดาว (star) เป็นผู้บริหารระดับสูง คือ ระดับนายพล ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 1-4 ดาว ซึ่งดาวสูงสุดคือตำแหน่งหัวหน้าตำรวจ คนเดียวที่มี 4 ดาว หรือบางท่านอาจจะคุ้นว่าเป็น ผบ.ตร.ของประเทศนั้นๆ แต่บ้านเราคนมี 4 ดาว มีหลายท่านนะครับ ดังนั้น ในระดับชั้นนายพล (general) ของเขาจึงมี 4 ชั้น เริ่มตั้งแต่ Brigadier General มี 1 ดาว Major General มี 2 ดาว Lieutenant General มี 3 ดาว และ General มี 4 ดาว

      Roberto เพื่อนฟิลิปปินส์ ให้ข้อมูลเสริมหลังจากเพื่อนอินโดนีเซียเล่าจบ ว่าบ้านเขาที่มะนิลา มีถึง 5 ดาว ในใจผมก็นึกว่าสงสัยเทียบได้กับจอมพล ในประเทศไทยสมัยก่อน เหมือนจอมพล ป. แต่เปล่าครับ มันบอกว่า บ้านมันมี 5 stars hotel ครับ ดูมัน!!! ตำรวจฟิลิปปินส์คนนี้ ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่ยากครับ นึกถึงนักมวยชื่อดัง ปาเกียวครับ เหมือนกันเดะ
เท่านี้ผมก็พอสรุปได้ว่าเท่าที่ผมรู้จักคนฟิลิปปินส์ เป็นอย่างนี้ทุกคนเลยครับ เรียกให้สุภาพ ก็ขี้เล่น หรือจะเรียกอีกแบบ ก็ กวน...(บาทา)

     ตำรวจอินโดนีเซีย
      การรายงาน Country Paper ประเทศแรกวันนี้เป็นของเจ้าภาพ อินโดนีเซีย ครับ นำเสนอโดย Superintendent Sihombing ตำรวจอินโดนีเซีย ที่จบหลักสูตรการบริหารงานตำรวจชั้นสูง (บตส.) รุ่นที่ 38 จากวิทยาลัยการตำรวจ ประเทศไทย ครับ
      การนำเสนอเริ่มด้วยข้อมูลพื้นฐานของประเทศอินโดนีเซีย และหลักการปัจจศีละ (PANCASILA) ย้ำว่าอินโดนีเซียเป็นประเทศศาสนา (religious country) แต่ไม่ใช่รัฐศาสนา (religious state) อินโดนีเซียเป็น secular state อยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการแยกรัฐออกจากศาสนา กรุณาไปอ่านวิทยานิพนธ์ของผมครับ เล่าใน FB ไม่พอแน่นอนครับ 55
      อินโดนีเซีย เป็นระบบตำรวจแห่งชาติ (National System) โดยแยกตัวออกจากฝ่ายทหารเมื่อปี 1999 และเป็นสถาบันอิสระที่ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี เมื่อปี 2002 หัวหน้าตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย (INP) ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี และต้องได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร หน่วยงานตำรวจรองจากตำรวจแห่งชาติ แบ่งออกเป็น 31 ตำรวจภูมิภาค (Regional Polices) จำนวนตำรวจในอินโดนีเซีย มีประมาณ 407,222 นาย ในจำนวนนี้ มีข้าราชการตำรวจหญิงประมาณ 3.5 % อัตราส่วนตำรวจต่อประชากร 1: 595

     ตำรวจอินโดนีเซีย มีตำรวจประเภทไม่มียศ ด้วยนะครับ เรียกว่า civilian ใช้สำหรับงานบริหาร ที่ไม่ใช่งานปฏิบัติการ (operation) การแยกภารกิจงานที่สามารถใช้ civilian จะต้องเป็นงานที่ไม่ใช่การปฏิบัติการ ซึ่งบางหน่วยงานจะรับผิดชอบงานที่มีลักษณะเป็นงานเชิงบริหาร แต่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติ ก็ใช้ข้าราชการตำรวจ จะไม่ใช่ civilian ปฏิบัติงานลักษณะดังกล่าว ดังนั้นในหน่วยงานดังกล่าว จึงมีทั้งข้าราชการตำรวจ และ civilian อยู่ในหน่วยเดียวกัน ปัญหาสำหรับ civilian ในองค์กรตำรวจอินโดนีเซีย ไม่ใช่เรื่องการบังคับบัญชา แต่เป็นการเจริญเติบโต ซึ่งสามารถเติบโตในระดับที่อาจเทียบได้กับตำแหน่ง Senior Superintendent เท่านั้น
     ผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Senior Supt. Johni ว่าตำรวจอินโดนีเซีย เกษียณที่อายุ 58 ปี ครับ แต่เค้าบอกว่าตอนนี้เค้ากำลังเปลี่ยนแปลงการเกษียณไปที่ 60 ปี อยู่ระหว่างดำเนินการ
      การบังคับใช้กฎหมายของอินโดนีเซีย เมื่อมีการจับกุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะต้องปล่อยตัว หรือกรณีที่จะต้องสอบสวนต่อไป สามารถควบคุมต่อได้อีก 20 วัน หากไม่พอจะต้องยื่นต่อศาล โดยรวมทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 120 วัน
      Team Building
      ‍กิจกรรมในช่วงบ่าย เป็นกิจกรรม Team Building เราไปทำกิจกรรมกันในพื้นที่สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งมีต้นไม้ร่มรื่น แต่อากาศก็อบเอ้าเล็กน้อย คล้ายกับกิจกรรมละลายพฤติกรรม แต่เป็นเกมส์ที่ฝึกการทำงานเป็นทีม แบ่งเป็น 3 ทีม 3 สถานีเวียนกัน

     สถานีที่ 1 ให้เคลื่อนย้ายกระป๋องใส่ก้อนหิน ที่สมมุติว่าเป็นวัตถุมีพิษ มีเงื่อนไขห้ามเข้าไปในเขตพื้นที่ที่กำหนดเนื่องจากสมมติว่ามีสารพิษ มีอุปกรณ์ให้แค่เชือก ให้ทีมปฏิบัติภารกิจเคลื่อนย้ายกระป๋องดังกล่าวไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยให้เลือกผู้นำ 1 คน และมอบหมายลูกทีมปฏิบัติภารกิจ ทีมเราใช้วิธีโยนเชือกข้ามไป และลากเชือกเพื่อดึงกระป๋องให้ลอยขึ้นมา แต่ภารกิจล้มเหลว กระป๋องคว่ำ

     สถานที่ 2 กำหนดเขตพื้นที่ที่มีสารพิษปนเปื้อน มีอุปกรณ์เป็นลังพลาสติกสำหรับใส่ขวดน้ำอัดลม 4 ลัง ให้พวกเรา 9 คน ใช้อุปกรณ์นี้เพื่อข้ามพื้นที่ดังกล่าวไป โดยห้ามสัมผัสพื้นดิน เราจะต้องขึ้นไปยืนบนลังให้ได้ 9 คน บน 3 ลัง เรียงกัน เหลืออีก 1 ลัง เพื่อย้ายไปวางข้างหน้า ให้คนในทีมสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ทั้งหมด ในคราวเดียวกัน ภารกิจนี้ล้มเหลวเช่นกันครับ เราตกลงมาจากลังสัมผัสพื้นดิน

     สถานที่ 3 มีแก้ว 1 ใบ มีน้ำอยู่ในแก้ว วางบนผ้าพื้นใหญ่ สมมุติว่าน้ำในแก้วเป็นสารพิษ ห้ามสัมผัสแก้ว จะต้องยกผ้าที่มีแก้ววางอยู่ ออกไปนอกพื้นที่ โดยให้พวกเราช่วยกันดึงผ้ายกขึ้น โดยไม่ให้แก้วล้ม แล้วเคลื่อนที่ออกไป ภารกิจนี้สำเร็จ

      บทเรียนกิจกรรมคือ การทำงานเป็นทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นภารกิจที่มีเวลาจำกัด ทรัพยากรจำกัด และเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เหมือนกับงานของตำรวจ ที่ต้องแก้ปัญหาให้ประชาชนตลอดเวลา ต้องรักษาความปลอดภัยของประชาชน การทำงานเป็นทีม ผู้นำมีส่วนสำคัญ ในทีมจำเป็นต้องรู้ปัญหาเช่นเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน ในด้านผู้นำควรรู้ขีดความสามารถของทีมแต่ละคน รู้ข้อมูล สามารถควบคุมได้ โดยขั้นตอนในการทำงานที่สำคัญได้แก่
     1. Planning โดยจะต้องทราบถึงงานที่ต้องปฏิบัติ (know the job)
     2. Organizing โดยใช้คนให้ถูกต้อง จำเป็นต้องรู้จักสมาชิก
     3. Conducting ปฏิบัติงาน โดยมีแผนการทำงาน และอาจจำเป็นต้องมีการซักซ้อม
     4. Controlling ควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามแผน
การทำงานเป็นทีม จำเป็นต้องมีการแนะนำวิธีการในการปฏิบัติ มีการติดต่อสื่อสารภายในทีม
      ที่สำคัญจำเป็นต้องมีความมั่นใจ (confident) ว่าเราต้องทำได้ และมีความเชื่อมั่น (trust) ในตัวผู้นำ ใจจดใจจ่อกับภารกิจ (Concentration) มีวินัย (Discipline) มีความรับผิดชอบ เคารพซึ่งกันและกัน และสุดท้าย ต้องมีความทุ่มเทเสียสละต่อภารกิจนั้น จึงจะประสบความสำเร็จ
     กิจกรรมในวันนี้ แน่นเอียด และทำให้พวกเราหมดแรงไปตามๆ กัน มีงานเลี้ยงเล็กน้อยในตอนค่ำ และจบวันที่สอง ด้วยเหตุการณ์ไฟฟ้าในโรงแรมดับเวลา 22.00 น. เหมือนรู้ว่าพวกเราอยากนอนกันครับ
    ราตรีสวัสดิ์กับความมืดในโรงแรม เป็นครั้งแรกในชีวิตครับ !!!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรียนรู้เรื่องราวตำรวจญี่ปุ่นกันครับ

การทำงานของตำรวจยุคดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่

ตำรวจเยอรมัน