8 October 2015 The 5th day of the 25th Joint ASEAN Senior Police Officers Course (JASPOC)
Visit to BRIMOB, witness the demonstration of anti-terrorism and anti-riot
🔷วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2558 เป็นวันที่ 5 ของการฝึกอบรม
🍛วันนี้รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเป็นมื้อที่ 4 รับสารภาพว่าเริ่มเบื่อ Indonesian American Breakfast แล้วครับ🍳 เลยลองหาอาหารอินโดนีเซียน กิน ไปเจอมุมหนึ่ง มีข้าวสวย ไข่ที่คล้ายไข่ลูกเขยแต่ใช้น้ำกะทิราด ผักต้ม มะพร้าวขูดฝอยๆ คั่ว และถั่วที่คล้ายถั่วตัดแต่ชิ้นเล็กกว่ามาก รวมๆ กันแล้วเหมือนพระรามลงสรง ที่ขายอยู่ที่ตลาด อตก. จตุจักร เลยลองตักมารับประทาน ถามเพื่อนชาวอินโดฯ เค้าเรียกว่า “Pecel” เป็นอาหารของชวา (Javanese food) รสชาติใช้ได้ คล้ายน้ำของขนมจีนน้ำพริก หวานๆ ครับ

🔴วันแรกที่มา ผมคุยกับ Johni ทราบว่าตำรวจอินโดนีเซีย ส่วนใหญ่จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจอินโดนีเซีย มีการรับผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัย เข้ามาอบรมเป็นตำรวจเหมือนกัน แต่จำนวนน้อย วันนี้ ผมได้คุยกับ Albert คนที่พยายามตาม take care ตำรวจไทยและชาติที่ไม่ได้เป็นชาวมาเลย์ ทราบว่า Albert ไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจอินโดนีเซีย แต่จบจากมหาวิทยาลัย โดย Albert ประมาณการว่าคนที่จบจากมหาวิทยาลัย มีประมาณ 30 % ของทั้งหมด ทำให้ผมสังเกตได้ว่าตำรวจอินโดนีเซีย ที่มาอบรมในครั้งนี้จำนวน 22 นาย ดูบางคนก็สนิทสนมกันมาก่อน รวมทั้ง Johni เมื่อแนะนำวิทยากรบางท่าน ก็บอกว่าเป็นเพื่อนจบมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจอินโดนีเซียมาด้วยกัน ดังนั้น ข้อได้เปรียบของการเรียนในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลักสูตร 4 ปี นอกจากเรื่องการฝึกฝนทักษะเฉพาะในวิชาชีพตำรวจแล้ว การติดต่อประสานงานในการปฏิบัติหน้าที่ ก็มีส่วนช่วยให้การทำงานเป็นไปได้ง่ายขึ้น
🚗ระหว่างนั่งรถไปดูงานผมก็ใช้โอกาสพูดคุยหาข้อมูลกับ Albert ถามสารทุกข์สุกดิบกัน และบ่นกันเรื่องรถติดในจาการ์ตา ซึ่งดูแล้วสาหัสพอกับบ้านเราหรือหนักกว่านิดหน่อย เพราะในกรุงจาการ์ตา ยังไม่มีระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า Albert ชี้ให้ผมดูพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า MRT ซึ่งกำลังดำเนินการ 🚲จักรยานยนต์รับจ้าง จึงเป็นธุรกิจที่แพร่หลายในอินโดนีเซีย 📱โดยมี Application สำหรับเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้าง ดังนั้น จึงไม่ค่อยเห็นคิวรถจักรยานยนต์จอดกันเป็นจำนวนมาก เหมือนในกรุงเทพฯ แต่ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซต์รับจ้างก็ต้องมีเสื้อใส่ เหมือนบ้านเราที่ต้องใส่เสื้อกั๊ก ครับ

👮🏻การมาดูงานวันนี้เริ่มที่หน่วยงาน ที่ตำรวจอินโดฯ เรียกว่า KORPS BRIMOB แปลเป็นภาษาอังกฤษ คือ Mobile brigade หรือหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ หน่วย BRIMOB รับผิดชอบภารกิจปฏิบัติการพิเศษ การควบคุมฝูงชน การกระโดดร่ม การกู้ภัย เหมือนกับหน่วย กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ของตำรวจไทยรวมกับ กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย และกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ครับ

ผมสงสัยว่าทำไมเค้าใช้ชื่อ Mobile Brigade คำว่า Mobile ไปเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมไม่ใช้ชื่อเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษหรือ Special operation unit ทำนองนี้ เหมือนกับที่อื่นๆ Johni อธิบายว่าเพราะเป็นหน่วยที่จะต้องเคลื่อนที่🚔เข้าไปปฏิบัติในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ตำรวจอินโดนีเซียจึงใช้คำว่า Mobile brigade 🚓
📢จากการแนะนำผู้บังคับบัญชาของหน่วย BRIMOB หน่วยงานภายในมีงานที่อยู่ในความรับผิดชอบ ได้แก่ หน่วยข่าวกรอง (Intelligence unit) ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลซึ่งรวมถึงการฝึกอบรม หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยด้านการวางแผนและการฝึกอบรม ศูนย์ฝึกอบรม เป็นต้น
👮🏻วันนี้คนที่มาเป็นหัวหน้าคณะต้อนรับเรา มี one star เป็นรองผู้บัญชาการหน่วย BRIMOB เนื่องจากตัวผู้บัญชา (มี two star) ต้องเดินทางไปที่ กองบัญชาการตำรวจอินโดนีเซีย เพื่อดูแลการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งส่วนภูมิภาค
👨👨👦👦กำลังพลของหน่วย BRIMOB เฉพาะในกองบัญชาการส่วนกลาง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 7,000 นาย แต่ถ้ากำลังพลของหน่วยนี้ทั่วประเทศมีประมาณ 40,000 นาย โดยมีหน่วยงานในส่วนภูมิภาคทุกแห่ง ทั่วประเทศ มีทั้งหมด 32 ภูมิภาค การปฏิบัติงานของหน่วย BRIMOB ในภูมิภาคด้านเทคนิคการปฏิบัติงาน มาตรฐาน เครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ขึ้นกับหน่วย BRIMOB ส่วนกลาง กำหนดให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่นโยบายการปฏิบัติขึ้นกับหน่วยตำรวจในภูมิภาคนั้น
👮🏻กล่าวอีกแง่หนึ่ง ก็คือ อินโดนีเซีย มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เป็นหน่วยงานส่วนกลาง ที่มีหน่วยงานส่วนภูมิภาคกระจายกันออกไป แต่นโยบายการปฏิบัติงานขึ้นอยู่กับตำรวจในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งแตกต่างจากโครงสร้างองค์กรตำรวจไทย
👤การแต่งเครื่องแบบของนายตำรวจในหน่วย BRIMOB ผมสะดุดตาที่มีบางท่าน ต้องถือไม้คทา เป็นส่วนประกอบของเครื่องแบบ เค้าบอกว่าคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยกำลัง จะมีไม้คทาดังกล่าว สงสัยเอาไว้ตีคนที่ดื้อไม่เชื่อผู้นำ 55.. อาจเป็นมรดกแบบธรรมเนียมที่เจ้าอาณานิคมชาวตะวันตกทิ้งเอาไว้หรือเปล่า อันนี้ผมเดาเองนะครับ

🔫การสาธิตขีดความสามารถของหน่วย BRIMOB เริ่มต้นด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 7-8 คน แบกเรือยางออกมายืนกลางลานฝึก ซึ่งกว้างใหญ่มาก แล้วเริ่มการสาธิตโดยนักกระโดดร่มแบบกระตุกเอง 🚁หรือดิ่งพสุธา 6 นาย โดดจากระดับความสูง 10,000 ฟุต พยายามลงมาที่เรือยางดังกล่าว แต่ 555... ทำเจ้านายหน้าแตก เพราะทั้งชุดแรกและชุดสองที่กระโดดลงมาประมาณ 20 คน สามารถลงบนเรือยางดังกล่าวได้แค่คนเดียว ครับ

🛂หลังจากนั้นก็เป็นการสาธิต การรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ การควบคุมฝูงชน การชิงตัวประกันโดยชุดปฏิบัติการพิเศษในอาคาร และการเข้าระงับเหตุในกรณีมีผู้ก่อการจลาจลโดยชุดอาวุธเคลื่อนที่เร็วที่มีรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ และการเก็บกู้วัตถุระเบิด วัสดุอุปกรณ์และการปฏิบัติก็คล้ายกับที่ตำรวจไทยมีและฝึกกันอยู่
🚓ที่เห็นความแตกต่างและน่าสนใจก็คือ การตั้งแถวของกองร้อยควบคุมฝูงชน เพื่อเข้าปะทะกับฝูงชน แถวหน้าจะใช้โล่ขนาดสูง ซึ่งสามารถป้องกันการขว้างปาสิ่งของได้ดี เหมือนเป็นเกราะกำบังให้เพื่อนๆ ในแนวหลัง และเมื่อจำเป็นต้องเข้าปะทะหรือสลายฝูงชน จะมีกำลังพลในแถวสอง ซึ่งใช้โล่ขนาดเล็กกว่าพร้อมกระบอง แทรกตัวออกมาดำเนินการ มีความคล่องตัวมากกว่า นอกจากนี้อุปกรณ์ที่สำคัญ รถบรรทุกลวดหนามหีบเพลง ที่สามารถขับวิ่งโรยลวดหนาม เป็นสิ่งกีดขวางบนพื้นได้รวดเร็ว ไม่ต้องใช้คนกางลวดหนาม

👤จบสาทิต จึงร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกันที่หน่วย BRIMOB โดยมีวงดนตรีของตำรวจขับกล่อมบรรเลงด้วยครับ


👮🏻ช่วงบ่ายเป็นการดูงาน ศูนย์บริหารการจราจรแห่งชาติ (National Traffic Management Center-NTMC) ซึ่งเป็นศูนย์ที่รับผิดชอบควบคุมการจราจรทั่วประเทศ ในลักษณะของ บก.02 ของกองบังคับการตำรวจจราจร ของไทย แต่ บก.จร.ตำรวจไทยไม่ได้ควบคุมการจราจรในภาพรวมทั้งประเทศ
📞ภายในศูนย์ มีส่วนของ Call Center รับข้อมูลข่าวสาร เรื่องร้องเรียนจากประชาชน (เหมือนกับ 1197 ของ บก.จร.) ใช้เจ้าหน้าที่เป็น out source มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ที่สามารถแสดงข้อมูลต่างๆ การนำเสนอ หรือเป็นจอทีวีได้ โดยมีการสาธิตระบบข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุ ที่มีข้อมูลส่งมาจากทั่วประเทศเพื่อวิเคราะห์ให้เห็นจุดเกิดเหตุ และสถิติแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุ ระบบการช่วยเหลือฉุกเฉิน กล้อง CCTV


💁การดูงานที่ NTMC สิ่งที่เพื่อนๆ รวมทั้งผมด้วย ให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ที่ทำหน้าที่รายงานสภาพการจราจร📺 โดยNTMC จะมีช่องโทรทัศน์ของตนเอง และรายงานสภาพการจราจรโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ไม่ได้ใช้พิธีกรของรายการทีวีใดๆ ตำรวจจราจรหญิงที่ทำหน้าที่รายงาน ได้รับการคัดเลือกทั้งบุคลิก หน้าตา และมีการฝึกอบรมการรายงานมาเป็นอย่างดี หลักฐานตามรูปที่โพสต์ให้ดูน่ะครับ แต่ผมก็สงสัยแต่ไม่กล้าถามว่าตำรวจหญิงอินโดนีเซีย ทำผมทรงเดียวกันหมดเลยครับ ไม่รู้ว่าเป็นระเบียบหรือเป็นแฟชั่น


ศูนย์ NTMC ให้ความสนใจกับการรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น การรับเรื่องร้องเรียน การช่วยเหลือฉุกเฉิน อุบัติเหตุ เค้าคุยว่าเมื่อได้รับแจ้งเหตุ 12 นาที จะต้องถึงที่เกิดเหตุ(แต่ผมดูสภาพการจราจรแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ครับ) ที่แตกต่างจากตำรวจไทย คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจราจร ผู้ที่เข้าถึงที่เกิดเหตุ ช่วยเหลือ และดำเนินการสอบสวนคดีอุบัติเหตุจราจร คือ ตำรวจจราจร ของ NTMC ระบบงานที่เค้าดูจะภาคภูมิใจนำเสนอ คือ ระบบสถิติอุบัติเหตุ โดยบอกว่าทันสมัยมาก มีข้อมูลอุบัติเหตุทั่วประเทศ สามารถประมวลผลดูได้แบบ real time

🎥ก่อนออกจากศูนย์ แอบถามตำรวจหญิง ที่มาต้อนรับว่า CCTV ของยู เนี่ย เป็นของตำรวจหรือของรัฐบาลท้องถิ่น เค้าบอกว่า sure เป็นของตำรวจทั้งหมด ตำรวจเค้ามีเงินพอซื้อให้ตำรวจใช้งาน... อืม!! นึกถึงเจ้าของ CCTV ในเมืองไทยกับตำรวจไทย ครับ ...

📲นอกจากนี้ กล้อง CCTV ของอินโดนีเซีย เค้าไม่หวงครับ ทำ Application ให้ประชาชนทั่วไปโหลด เพื่อดูกล้อง CCTV ได้ด้วยครับ วิธีนี้เราน่าเอามาใช้บ้างนะครับ ประชาชนจะได้ช่วยดูว่ากล้องตัวไหนเสีย ตัวไหนไม่เสีย ครับ

🔚วันนี้ กิจกรรมดูงานเสร็จค่อยข้างเร็ว Albert และ Yunik เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ตท.อินโดฯ ช่วยกันพาพวกเราไทยแลนด์ เวียดนาม ไปซื้อของพื้นเมือง เสื้อผ้าบาติก ของที่ระลึกต่างๆ จากศูนย์แสดงสินค้าของรัฐบาล ที่ตั้งอยู่ในบริเวณสนามกีฬาตรงข้ามโรงแรม ได้ของดีราคาถูก (ไม่ถูกหลอก) และ Yunik ยังตามประกบเราอย่างใกล้ชิด เพื่อต่อรองราคาให้ ซื้อของเสร็จ

😥กลับมาดินเนอร์ที่โรงแรม จริงๆ ผมอยากพักแล้ว แต่ Albert ดันถามเปิดทางว่าอยากไปไหนต่อหรือเปล่า?น้อง Viet อยากไป พวกเราจึงไปนั่งรถชมเมืองจาการ์ตายามค่ำคืน แล้วแวะเดินเล่นในลาน ซึ่งเรียกว่าเป็นเขตเมืองเก่า (old city) มีตึกเก่าล้อมรอบ บริเวณลานมีแผงขายเครื่องดื่ม กาแฟ ขนม ของกินเบาๆ เต็มไปหมด วัยรุ่นอินโดฯ มานั่งกินกาแฟ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม หน้าตาดูน่ากลัวครับ แต่พฤติกรรมน่ารักมาก ไม่มีเบียร์กระป๋อง หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทขายนะครับ ก็เลยนึกถึงถ้าเป็นแบงคอก ไทยแลนด์ คงเต็มไปด้วยแผงขายเบียร สุรา ที่นั่งกันคงตั้งวงกินเหล้ากันมากกว่ากินกาแฟครับ!!!

🌃วันนี้ กลับถึงโรงแรมเกือบเที่ยงคืนครับ ผมว่า Albert กับ Yunik น่าจะเข็ดกับพวกเราแล้วครับ ...
😴ราตรีสวัสดิ์ครับ😴

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรียนรู้เรื่องราวตำรวจญี่ปุ่นกันครับ

การทำงานของตำรวจยุคดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่

ตำรวจเยอรมัน